เป็นการรัฐประหาร
โดยผู้ที่นำการรัฐประหาร คือ พลเรือเอกสงัด
ชลออยู่ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ล้มรัฐบาลนายธานินทร์
กรัยวิเชียร
เนื่องจากการที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่นำโดย
พล.ร.อ.สงัด ได้ทำการรัฐประหารเมื่อปี
พ.ศ. 2519 เนื่องจากในเหตุการณ์ 6 ตุลา และแต่งตั้ง นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยรัฐบาลนายธานินทร์มีภารกิจสำคัญที่จะต้องกระทำคือ
การปฏิรูปการเมืองภายในระยะเวลา 12 ปี ซึ่งทางคณะปฏิรูปฯเห็นว่าล่าช้าเกินไป
ประกอบกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในประเทศยังไม่สงบดีด้วย
ดังนั้นจึงกระทำการรัฐประหารซ้ำอีกครั้ง ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นการรัฐประหารตัวเองเพื่อกระชับอำนาจ
โดยมีประกาศในการรัฐประหารไว้ดังนี้
การบริหารงานของรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
ไม่อาจแก้ปัญหาสำคัญของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และอุตสาหกรรม
ให้ลุล่วงไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดเห็นของประชาชน
ตลอดจนท่าทีของรัฐบาลในการลอบวางระเบิดใกล้พลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่จังหวัดยะลา
ลำดับเหตุการณ์
8 ต.ค. 2519 ธานินทร์ กรัยวิเชียร รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากการเสนอชื่อของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
24 ธ.ค. 2519
รัฐบาลธานินทร์ออก พรบ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 โดยสาระสำคัญของ พรบ. ฉบับนี้อยู่ในมาตรา 3
ซึ่งระบุว่า
"บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลใด
ๆ ซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
และการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าว
ซึ่งได้กระทำไปด้วยความมุ่งหมายที่จะให้บังเกิดความมั่นคงของราชอาณาจักร
ของราชบัลลังก์และเพื่อความสงบสุขของประชาชนก็ดี
และการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินหรือหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
หรือของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินหรือหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
หรือของผู้ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินหรือหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินอันได้กระทำไปเพื่อการที่กล่าวนั้นรวมถึงการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอย่างอื่นก็ดี
การกระทำดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ว่ากระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ
ในทางบริหารหรือในทางตุลาการไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ
หรือผู้ถูกใช้ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อนหรือหลังวันที่กล่าวนั้น
หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง"
พ.ร.บ.
ฉบับนี้เป็นการนิรโทษกรรมให้กับคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่ก่อการรัฐประหาร 2519
แต่ไม่นิรโทษกรรมให้กับนักศึกษา/ประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมใน ม.ธรรมศาสตร์
และเจ้าหน้าที่รัฐ/ผู้ต่อต้านฯที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม
แม้นักศึกษา/ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา
แต่ยังเหลือผู้ต้องหา 19 คนที่ไม่ได้รับการประกันตัวคือ บุญชาติ เสถียรธรรมมณี
ผู้จัดการแสดงละครล้อเลียนการเสียชีวิตของพนักงานการไฟฟ้า จ.นครปฐม
ถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและข้อหาอื่น (คดีหมายเลขดำที่ 4418/2520
ของศาลอาญา) ส่วน สุธรรม แสงประทุม เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
(ศนท.) และพวกอีก 17 คนถูกฟ้องในข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์และข้อหาอื่น
(คดีหมายเลขดำที่ 253ก/2520 ของศาลทหารกรุงเทพ)
20 ต.ค. 2520
พล.ร.อ.สงัด นำทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลธานินทร์ โดยอ้างว่า
รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ/สังคม/อุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ,
ปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดเห็นของประชาชน
และท่าทีของรัฐบาลต่อความพยายามการลอบปลงพระชนม์ ร.9 ที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 22
ก.ย. 2520
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น