พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ
ยึดอำนาจรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อันมีสาเหตุมาจากการที่ รัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์
ธำรงนาวาสวัสดิ์ ซึ่งสืบอำนาจต่อจากรัฐบาล นายปรีดี พนมยงค์
ไม่สามารถจัดการกับปัญหาความขัดแย้งกันในชาติได้ ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลวภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง
รวมถึงผลการสอบสวนเหตุการณ์สวรรคตของรัชกาลที่ 8ที่ไม่ชัดเจนชี้ชัด
ประกอบกับมีการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการ เช่น
การนำเงินไปซื้อจอบเสียมแจกจ่ายให้ราษฎรทำการเกษตร
ทว่าความปรากฏภายหลังว่าเป็นจอบเสียมที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเรียกกันว่า
"กินจอบกินเสียม" หรือ การที่รัฐบาลถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นในการส่งข้าวชั้นดีออกขายนอกประเทศ
เหลือแต่เพียงข้าวหักสำหรับเลี้ยงสัตว์ไว้ให้ประชาชนบริโภคเองในประเทศ
ทำให้ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจยาวนานถึง 7 วัน 7
คืน ติดต่อกัน คือระหว่างวันที่ 19 - 26 พฤษภาคม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุ
เป็นต้น อีกทั้งรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายชองปรเทศ
ด้วยการปลดประจำการทหารหลายนาย สร้างความไม่พอใจในหมู่ทหารที่ถูกปลด
ความคิดที่จะเปลี่ยนผู้นำจึงเกิดขึ้น
ในขณะนั้นมีข่าวลือและความเป็นไปได้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า
อาจเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น สำหรับตัว พล.ร.ต.ถวัลย์ แล้ว เมื่อนักข่าวซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
ก็ตอบว่า "ก็นอนรอการปฏิวัติอยู่แล้ว"
เพราะมั่นใจในศักยภาพของรัฐบาลตัวเอง ว่ามีผู้บัญชาการทหารบก (พล.ต.อ.อดุล อดุลเดชจรัส)
ให้การสนับสนุนอยู่
พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ
พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
เหตุการณ์การรัฐประหาร
การรัฐประหารครั้งนี้ เดิมทีกำหนดให้เกิดขึ้นในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 8 พฤศจิกายน แต่ทว่า พล.ต.อ.อดุล ผู้บัญชาการทหารบก ทราบเสียก่อน จึงมีคำสั่งเรียกให้นายทหารทุกชั้นเข้ามารายงานตัว คณะผู้ก่อการจึงเลื่อนกำหนดเดิมให้เร็วขึ้นหนึ่งวัน โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน ต่อเนื่องถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน เมื่อกองกำลังรถถังส่วนหนึ่งบุกเข้าไปที่ เวทีลีลาศ สวนอัมพร เพื่อทำการควบคุมตัว พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในงานราตรีการกุศล และรถถังอีกส่วนหนึ่งบุกเข้าไปประตูทำเนียบท่าช้างวังหลวงเพื่อควบคุมตัว นายปรีดี พนมยงค์ แต่นายปรีดีได้หลบหนีไปก่อนหน้านั้นไม่นานด้วยเรือ ครอบครัวนายปรีดีขณะนั้นเหลือเพียง ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ภรรยาและลูก ๆ เท่านั้น
เช้าวันที่ 8
พฤศจิกายน พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ หัวหน้าคณะรัฐประหาร
ได้แถลงต่อสื่อมวลชนด้วยสภาพน้ำตานองหน้า ว่าทำไปเพราะความจำเป็น จนได้รับฉายาว่า
"วีรบุรุษเจ้าน้ำตา" หรือ "บุรุษผู้รักชาติจนน้ำตาไหล"
และเรียกกลุ่มของตนเองว่า "คณะทหารแห่งชาติ" รวมทั้งได้แต่งตั้ง จอมพล
ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่ยุติบทบาททางการเมืองไปแล้วในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เป็นผู้บัญชาการทหารแห่งชาติ
ซึ่งสาเหตุของการรัฐประหารในครั้งนี้
ได้ปรากฏอยู่ในคำปรารภของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2490 หรือที่เรียกกันว่า
"รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม" ที่ถูกนำออกมาใช้หลังจากนั้น ว่า
“ บัดนี้ประเทศชาติตกอยู่ในภาวะวิกฤตการณ์
ประชาชนพลเมืองได้รับความลำบาก เดือดร้อน เพราะขาดอาหาร เครื่องนุ่งห่ม
และขาดแคลนสิ่งอื่น ๆ นานัปการ
เครื่องบริโภคอุปโภคทุกอย่างมีราคาสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก
เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมทรามในศีลธรรมอย่างไม่เคยมีมาก่อน…ผู้บริหารราชการแผ่นดินและสภาไม่อาจดำเนินการแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีให้กลับสู่ภาวะดังเดิมได้…เป็นการผิดหวังของประชาชนทั้งประเทศ…ถ้าจะคงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม
ก็จะนำซึ่งความหายนะแก่ประเทศชาติ…
”
จากนั้นคณะทหารแห่งชาติ
จึงให้ นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยให้สัญญาว่าจะไม่แทรกแซงการทำงาน ซึ่งคณะทหารแห่งชาติได้ตั้งสภาขึ้นมา
ใช้ชื่อว่า "คณะรัฐมนตรีสภา" และจัดการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 29 มกราคม
พ.ศ. 2491 พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงข้างมาก นายควง อภัยวงศ์
จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นรัฐบาลพลเรือน แต่ทว่า ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.
2491 คณะนายทหารในกลุ่มคณะทหารแห่งชาติ 4 คน นำโดย น. อ. กาจ กาจสงคราม
ก็ได้ทำการบีบบังคับให้นายควงลาออก และแต่งตั้งจอมพล ป. พิบูลสงคราม
เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
ที่มา
http://arinwan.info/index.php?topic=1705.0;wap2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น