รัฐประหารครั้งที่
9 วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
นำโดย
พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
เนื่องจากเหตุการณ์การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ ที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วงวันนั้นที่เรียกว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา รัฐบาลพลเรือนโดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ คณะนายทหาร 3 เหล่าทัพและอธิบดีกรมตำรวจ นำโดย พลเรือเอกสงัด ชลออยู่
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองไว้ โดยใช้ชื่อว่า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
สถานการณ์รัฐประหาร 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
รัฐประหาร 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เป็ นการรัฐประหารครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเกิดขึ้นในเวลา
18.00 น. ของวันที่ 6 ตุลาคม
พ.ศ. 2519 อันเนื่องจากเหตุการณ์การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ ที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วงวันนั้นที่เรียกว่า เหตุการณ์ 6 ตุลารัฐบาลพลเรือนโดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้คณะนายทหาร
3 เหล่าทัพ นำโดย พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองไว้
โดยใช้ชื่อว่า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
โดยคณะนายทหารได้เชิญหม่อมราชวงศ์เสนีย์
ปราโมช นายกรัฐมนตรีไปปรึกษาหารือที่กองบัญชาการทหารสูงสุดที่สนามเสือป่ า รวมทั้งได้ร่วมรับประทานอาหารโต๊ะจีนและพักค้างคืนด้วยกัน
จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 7 ตุลาคม หม่อมราชวงศ์เสนีย์จึงลากลับไป
คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้ออกประกาศคณะปฏิรูปออกมาหลายฉบับ
โดยมากมีเนื้อหาควบคุมเพื่อสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย โดยประกาศฉบับหนึ่งที่ความสำคัญคือประกาศฉบับที่ 5 ที่ว่าด้วยการควบคุมสื่อมิให้เผยแพร่ภาพและเนื้อหาที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์
6 ตุลาเป็นเวลา 3 วัน คือตั้งแต่วันที่
6 ตุลาคม - 9 ตุลาคม ซึ่งในช่วงเวลา 3 วันนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ไทยจนบัดนี้ที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับถูกห้ามตีพิมพ์และจัดจำหน่าย
และประกาศคณะปฏิรูปฉบับนี้ได้ครอบคลุมรวมถึงสื่อทุกสื่อรวมถึงโทรทัศน์ด้วย
คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้แต่งตั้งให้
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยนายทหารในคณะปฏิรูปการปกครองได้เปลี่ยนสถานะของตัวเองเป็น
สภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน มีสมาชิก 340 คน ทำหน้าที่เหมือนรัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติ ให้การสนับสนุนรัฐบาลนายธานินทร์
กรัยวิเชียร โดยที่คณะรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มีคณะรัฐมนตรีเพียง 17คนเท่านั้น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้แก่ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่
นั่นเอง ซึ่งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อมาว่า รัฐบาลเสมือนหอยที่อยู่ในเปลือก
โดยมีนัยถึงเป็นรัฐบาลที่มีคณะนายทหารคอยให้ความคุ้มกัน จึงได้รับฉายาว่า รัฐบาลหอย
รัฐบาลคณะนายธานินทร์
กรัยวิเชียร ดำเนินนโยบายทางการเมืองอย่างขวาตกขอบ มีการจับกุมและทำร้ายผู้ที่สงสัยว่าอาจกระทำการเป็นคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง
โดยอาศัยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.
2519 มาตราที่ 21 จึงทำให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุด
แต่ทว่า
การดำเนินงานของคณะรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ประสบกับปัญหาตลอด ทั้งเหตุการณ์การก่อการร้ายโดยคอมมิวนิสต์
และปัญหาภายในรัฐบาลเอง เช่น การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นไปด้วยความล่าช้าอีกทั้งบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่ออกมามีแผนพัฒนาประชาธิปไตยนานถึง 3 ขั้น กินเวลา 12 ปี ไม่ทันการกับสถานการณ์ปัจจุบัน
หรือ การเกิดเหตุการณ์กบฏ 26 มีนาคมพ.ศ.
2520 โดย พลเอกฉลาด หิรัญศิริ การปราบปรามผู้ที่รัฐบาลเห็นว่าเป็นคอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้นจนหลายครั้งปราศจากการตรวจสอบ
ส่งผลให้มีนักศึกษาและปัญญาชนจำนวนมากที่มีความคิดทางการเมืองแตกต่างจากรัฐบาลต้องหลบหนีเข้าป่าเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
(พคท.)สถานการณ์ของประเทศเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง
ในที่สุดคณะนายทหารในสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินชุดเดิมที่นำโดย พลเรือเอก สงัด ชลออยู่
จึงกระทำการรัฐประหารอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 และแต่งตั้ง พลเอก เกรียงศักด์ิ ชมะนันท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
สถานการณ์ต่างๆจึงเริ่มคลี่คลาย เมื่อรัฐบาลพลเอก เกรียงศักด์ิ ชมะนันท์ได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม
กลุ่มนักศึกษาปัญญาชนที่หลบหนีเข้าป่ า จึงเริ่มทยอยกลับคืนสู่เมืองอีกครั้ง
อนึ่ง
ในวันรัฐประหารเมื่อคืนวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นั้น หม่อมราชวงศ์เสนีย์
ปราโมชได้บันทึกไว้ในหนังสือชีวลิขิต ซึ่งเป็นหนังสืออัตชีวประวัติของท่าน ได้บอกว่า
คณะปฏิรูป ฯ จะให้ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ท่านตอบปฏิเสธ และขอให้ท่านรับเป็นหัวหน้าในการรัฐประหารครั้งนี้
ซึ่งท่านก็ตอบปฏิเสธอีก พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ได้บอกกับท่านว่า มีความจำเป็นที่จะต้องทำการยึดอำนาจ
ไม่เช่นนั้นทหารอีกกลุ่มจะทำการในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช สันนิษฐานว่า
อาจเป็นคณะของ พลเอกฉลาด หิรัญศิริ อีกทั้งก่อนหน้านั้น พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ได้เคยเตือนท่านมาครั้งหนึ่งว่า
ทหารจะกระทำการรัฐประหารและมีผู้ชักชวนท่านให้ทำการด้วย อีกทั้งท่านยังสงสัยในพฤติกรรมของบุคคลร่วมรัฐบาลบางคน
ในการประชุมสถานการณ์ในเช้าวันที่ 6 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล
เนื่องจากเข้า ๆ ออก ๆ ที่ประชุมตลอด ว่าอาจรู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มบุคคลที่เข้าทำร้ายกลุ่มนักศึกษาผู้ชุมนุมหรือรู้เห็นเป็นใจกับคณะนายทหารอีกคณะหนึ่งที่
พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ อ้างว่าจะทำการรัฐประหาร
ที่มา
http://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2554/poli20954sn_ch4.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น